ประวัติวัดแสงธรรมวังเขาเขียว

ความเป็นมาของวัดแสงธรรมวังเขาเขียว

พระอาจารย์โสภา  สมโณ ประธานสงฆ์วัดแสงธรรมวังเขาเขียว ผู้ดำริในการสร้างพระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล  อุปสมบทครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๗ ที่จังหวัดสุรินทร์ และได้เดินทางธุดง จากจังหวัดสุรินทร์ ไปถึงจังหวัดเชียงใหม่ ใช้ระยะเวลาในการเดินทาง 1 เดือน 25 วัน     ภายหลังได้ญัตติซ้ำอีกครั้งเมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๓๒ โดยมีพระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) เป็นพระอุปัชฌาย์  อีก ๖ วันต่อมาจึงเดินทางไปอยู่ศึกษากรรมฐาน ณ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เป็นเวลา ๑๐ ปีจึงออกจากวัดป่าบ้านตาดวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๒ แล้วไปอยู่ที่วัดทัพไทย หมู่ที่๑๐ ต.สนม อ.สนม จ.สุรินทร์

ปีพ.ศ.๒๕๔๙ พระอาจารย์โสภา มีอาการอาพาธจึงเดินทางมาจำพรรษาบนเขาสลัดได อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เพราะสถานที่แห่งนี้นอกจากอากาศสัปปายะต่อธาตุขันธ์แล้วยังดีต่อการภาวนา     แต่เนื่องจากสถานที่นี้อยู่ในเขตอุทานแห่งชาติทำให้ไม่สามารถอยู่ถาวรได้  พระอาจารย์ท่านจึงคิดหาสถานที่ที่ไม่ไกลจากบริเวณนี้มากนักอยู่แทน  ประกอบกับท่านเกิดนิมิตฝันว่า  แบกบาตรสะพายกลดไปถึงภูเขาสองลูก  เมื่อไปยืนหน้าภูเขาก็ปรากฏมีภาษาเขมรขึ้นมาซึ่งแปลเป็นคำภาษาไทยว่า “กระเทือนเลื่อนลั่น”     องค์ท่านเองก็ไม่ทราบว่านิมิตนี้หมายถึงกระเทือนเลื่อนลั่นทางดีหรือทางไม่ดีอย่างไร

วันที่ ๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๐  พระอาจารย์โสภา ได้มาพบที่ดินบริเวณที่ตั้งวัดในปัจจุบันมองเห็นภูเขาเขียวเหมือนกับที่เคยนิมิตเห็นภูเขาสองลูกมาก่อน  จึงคิดทำอาศรมสำหรับพักอาศัยชั่วคราว

วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๐  พระชินวงศาจารย์  เจ้าคณะอำเภอปักธงชัย-วังน้ำเขียว (ธรรมยุต)  ออกหนังสือรับรองที่พักสงฆ์ ที่ จอ. ๐๒/๒๕๕๐

เจ้าของบ้านไร่ปลายตะวันซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักสงฆ์บอกถวายไม้  แต่พระอาจารย์โสภา ท่านก็บอกปัดถึง ๓ ครั้ง     อยู่มาวันหนึ่งพระอาจารย์ท่านเกิดนิมิตฝันว่า  พ่อแม่ครูจารย์หลวงตาพระมหาบัว นั่งรถมาจอดในบริเวณที่พักสงฆ์แห่งนี้    ท่านจึงให้พระอาจารย์อำนวย  สุขวัฑฒโน ไปพิจารณาดูว่าไม้นั้นจะสามารถเกิดประโยชน์แก่สมณธรรมอย่างใดได้บ้าง   พระอาจารย์อำนวยพิจารณาเห็นว่าไม้นั้นสามารถทำเสาได้ ๓๒ ต้น     พระอาจารย์โสภา ท่านใคร่ครวญเกี่ยวกับนิมิตที่พ่อแม่ครูจารย์หลวงตาพระมหาบัว นั่งรถมาจอดในบริเวณที่พักสงฆ์แห่งนี้     ดังนั้นท่านจึงดำริให้นำไม้นั้นมาสร้างศาลาโดยใช้เวลาเพียง ๔ เดือน

วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๒  เป็นวันที่ฉลองศาลาเสร็จเพียง ๑๕ วันและเป็นวันที่พ่อแม่ครูจารย์หลวงตาพระมหาบัว นั่งรถมาที่พักสงฆ์แห่งนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกับในนิมิต  ท่านอาจารย์จึงทราบทันทีว่า “กระเทือนเลื่อนลั่น” นั้นหมายความว่าอย่างไร

วันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๓  สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก  ประทานนามวัดว่า “วัดแสงธรรมวังเขาเขียว”  พร้อมทั้งประทานพรว่า  ขอวัดที่ให้นามแล้วนี้ จงอำนวยประโยชน์เป็นที่พักผ่อน ปฏิบัติธรรม สงบกาย สงบใจ เจริญเป็นอุดมมงคล ให้เกิดความสวัสดีแก่พระภิกษุ สามเณร และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ตลอดจิรกาล

วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔        ประกาศสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรื่องตั้งวัดในพระพุทธศาสนา  อาศัยความตามข้อ ๔ แห่งกำกับกระทรวง ฉบับที่ ๑ (พ.ศ.๒๕๐๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ และด้วยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงประกาศตั้งเป็นวัดขึ้นในพระพุทธศาสนามีนามว่า “วัดแสงธรรมวังเขาเขียว” ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

วัดแห่งนี้ตั้งอยู่เลขที่ ๒๖ หมู่ที่ ๑๙ บ้านบุตะโกเมืองใหม่ ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา  ถนนสายกบินทร์บุรี – นครราชสีมา แยกตรงถนน กม. ๖๖ เข้าไปประมาณ ๑ กิโลเมตร  มีเนื้อที่ ๓๗ ไร่ แปลงที่ใช้ก่อสร้างวัด 23 ไร่ และแปลงที่ใช้ก่อสร้างพระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล 13 ไร่เศษ    พระอาจารย์โสภา สมโณ เป็นประธานสงฆ์ พระอาจารย์อำนวย สุขวัฑฒโน เป็นเจ้าอาวาส

ความสัมพันธ์ระหว่างหลวงตาพระมหาบัว กับวัดแสงธรรมวังเขาเขียว

ปากช่อง-เขาใหญ่-เขาเขียว-เขาสะแกราช  ถึงอ.ปักธงชัย เป็นเส้นทางเดินธุดงคกรรมฐานของพระสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อาทิ หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม, หลวงปู่มหาปิ่น ปญฺญาพโล, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงปู่คำดี ปภาโส, ท่านพ่อลี ธัมธโร, หลวงปู่จันทร์ เขมปัตโต,หลวงปู่มี ญาณมุนี, หลวงปู่ทา จารุธัมโม เป็นต้น     รวมถึงหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ขณะในวัยหนุ่มเมื่อมีเวลาว่างจากการศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดคีรีวัลลิ์  วัดศาลาทอง วัดสุทธจินดาวรวิหาร ระหว่างปีพ.ศ.๒๔๗๙-๒๔๘๒  องค์ท่านมักจะปลีกวิเวกมาปากช่อง-เขาใหญ่-เขาเขียว-เขาสะแกราช

การที่องค์หลวงตาอยู่ที่วัดป่าบ้านตาดจะมีผู้คนเดินทางมาหาตลอดเวลาทำให้ไม่มีเวลาได้พักผ่อนซึ่งองค์ท่านจะได้พักผ่อนร่างกายต่อเมื่อเดินทางอยู่บนรถ      เมื่อวัดแสงธรรมวังเขาเขียวก่อตั้งขึ้นโดยลูกศิษย์พระธุดงคกรรมฐาน  หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน  จึงเดินทางมาโดยมุ่งหวังประโยชน์สุขแก่ผู้อื่นดังนี้

๑.เพื่อเมตตาต่อคนกรุงเทพฯ คนภาคกลาง และคนภาคตะวันออกที่ต้องการพบองค์ท่านจะได้ใช้เวลาเดินทางน้อยลงไม่ต้องเดินทางไปถึงจ.อุดรธานี

๒.เพื่อเมตตาต่อเทวดาบริเวณปากช่อง-เขาใหญ่-เขาเขียว-เขาสะแกราช สืบต่อปฏิปทาหลวงปู่มั่น ที่เคยมาเมตตาเทวดาที่ถ้ำสาริกาซึ่งเป็นหัวหน้าเทวดาในบริเวณนี้ด้วย

๓.เพื่อเมตตาต่อลูกศิษย์ลูกหาได้มีกำลังใจในการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบต่อไป

 

พ่อแม่ครูจารย์หลวงตาพระมหาบัว  ญาณสัมปันโน เมตตาเดินทางมาวัดแสงธรรมวังเขาเขียว  ตั้งแต่ครั้งแรกวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๒ ถึงครั้งสุดท้ายวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓  รวมแล้ว ๒๖ ครั้ง ดังนี้

ครั้งที่  ๑  วันที่ ๖ พ.ย. ๒๕๕๒

ครั้งที่  ๒  วันที่ ๑๑ ธ.ค. ๒๕๕๒

ครั้งที่  ๓  วันที่ ๒๑ ธ.ค. ๒๕๕๒

ครั้งที่  ๔  วันที่ ๒๘ ธ.ค. ๒๕๕๒

ครั้งที่  ๕  วันที่ ๑๗ ม.ค. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๖  วันที่ ๓๑ ม.ค. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๗  วันที่ ๑๔ ก.พ. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๘  วันที่ ๒๒ ก.พ. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๙  วันที่ ๒ มี.ค. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๑๐  วันที่ ๒๑ มี.ค. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๑๑  วันที่ ๒๙ มี.ค. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๑๒  วันที่ ๑๑ เม.ย. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๑๓  วันที่ ๒๑ เม.ย. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๑๔  วันที่ ๒๑ มิ.ย. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๑๕  วันที่ ๑ ก.ค. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๑๖  วันที่ ๗ ก.ค. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๑๗  วันที่ ๒๐ ก.ค. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๑๘  วันที่ ๒๘ ก.ค. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๑๙  วันที่ ๒๓ ส.ค. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๒๐  วันที่ ๕ ก.ย. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๒๑  วันที่ ๑๐ ก.ย. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๒๒  วันที่ ๑๙ ก.ย. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๒๓  วันที่ ๒๒ ก.ย. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๒๔  วันที่ ๘ ต.ค. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๒๕  วันที่ ๑๓ ต.ค. ๒๕๕๓

ครั้งที่  ๒๖  วันที่ ๑ พ.ย. ๒๕๕๓

ครั้งสุดท้าย คือ วันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๓  วันนี้หลังจากฉันจังหันที่วัดป่าบ้านตาดเสร็จแล้ว  องค์ท่านเดินทางมาวัดแสงธรรมวังเขาเขียว อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา  ได้แสดงธรรมเทศนาโปรดฆราวาส โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า

“วันนี้ได้มาพบกับพี่น้องทั้งหลายเต็มศาลาวันนี้ เราก็พอใจกับพี่น้องทั้งหลาย แสดงเรื่องธรรม มีธรรม จิตใจมีแต่ธรรมทั้งนั้นเต็มอยู่นี่ วันนี้เรามาสู่ธรรมมาเห็นครูบาอาจารย์ แล้วก็เห็นธรรมด้วยกัน เราก็พอใจ พี่น้องทั้งหลายก็คงจะพอใจ ไม่พอใจมาไม่ได้ มานี้แสดงว่าพอใจมา เราก็ใจเสียสละมาจากอุดรวัดป่าบ้านตาดกี่ชั่วโมง ๓ ชั่วโมง ๔๐ นาที เกือบ ๔ ชั่วโมง มานี้เราก็เสียสละมา เราก็สบายมา แล้วมาพบพี่น้องทั้งหลาย อีกก็สมใจกับเราเสียสละเพื่อพี่น้องทั้งหลายเหมือนกัน

นี่เราก็จะกลับหละ กลับวัดเราได้พบกันได้เห็นได้ยินได้ฟังเสียงอรรถเสียงธรรม วันนี้ก็ชื่นตาชื่นใจนะ ทีนี้กลับไปก็ด้วยความชุ่มเย็นในหัวใจเป็นบุญเป็นกุศลหละ”

ในการมาครั้งสุดท้ายนี้องค์หลวงตาได้พูดบอกพระอาจารย์โสภาว่า “เฮาจะไปแล้วเด้อ  ต่อไปเฮาซิบ่อได้มาอีก” (เราจะไปแล้วนะ ต่อไปเราจะไม่ได้มาอีก)     หลังจากนั้นองค์หลวงตาได้อาพาธและเข้าสู่นิพพานเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2554

Contents: © Wat Sang Tham Wang Kao Kaew, 2012